กาวซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์สำหรับงานปูกระเบื้องโดยเฉพาะ

กาวซีเมนต์กันน้ำ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานกันน้ำโดยเฉพาะ)

กาวซีเมนต์กันน้ำ-ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม: เพื่อการก่อสร้างที่ต้องการคุณสมบัติกันน้ำโดยเฉพาะ 

รหัสสินค้า : S-11

ราคา : XXXX (Contact distributors) บาท / ถุง

หน่วย : 20 กก./ถุง

ปริมาณการใช้งาน : 5-7 ตารางเมตร/20 กก.(ถุง)

การเก็บรักษา : อายุการใช้งาน 1 ปี (นับจากวันผลิต) และควรเก็บไว้ในที่แห้งเพื่อยืดอายุการใช้งาน

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) เป็นนวัตกรรมกาวซีเมนต์ที่ผนวกรวมเทคโนโลยีของซีเมนต์กันน้ำเข้ากับคุณสมบัติของกาวซีเมนต์ติดกระเบื้อง ทำให้กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ มีคุณสมบัติเหนือกว่ากาวซีเมนต์ทั่วไป ที่ให้คุณสมบัติกันน้ำ (Waterproof) โดยสามารถป้องกันการไหลผ่านของน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหนือกาวซีเมนต์ทั่วไปที่มีคุณสมบัติแค่กันซึม (Water resistance) เท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีที่ประสบผลสำเร็จอย่างกว้างขวางในยุโรป โดยใช้ส่วนผสมเพิ่มพิเศษ ก่อให้เกิดการฟอร์มผลึกแทรกซึมด้วยกระบวนการออสโมซิส (Osmosis) การแพร่กระจายเพื่ออุดรูพรุน (Capillary pore) ในเนื้อซีเมนต์หรือที่เรียกว่า Integral Crystalline waterproofing technology ทำให้น้ำไม่สามารถไหลซึมผ่านได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดกระเบื้องในพื้นที่ที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ เช่น บริเวณระเบียงดาดฟ้า พื้นห้องน้ำชั้นสอง เป็นต้น

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) สามารถต้านทานแรงดันของน้ำได้สูงถึง 5 bar (50,596กก./ตารางเมตร) และให้คุณสมบัติกันน้ำที่ถาวรจากภายในซึ่งต่างจากวัสดุกันซึมอื่นๆ เช่น เมมเบรนชีท (Membrane sheet) หรือการทาอะคริลิคที่พื้นผิว ซึ่งเสื่อมสภาพจากปัจจัยการใช้งานและสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น รังสียูวี (UV) หรือความร้อน ฯลฯ ทำให้ต้องบำรุงรักษาเร็วกว่าที่ควรและเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) ยังมีคุณสมบัติโดดเด่นในการป้องกันการเกิดคราบน้ำปูนขาว (Anti-Efflorescence) ซึ่งทำความสะอาดได้ยากและก่อให้เกิดความไม่สวยงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะงานตกแต่งด้วยกระเบื้องภายนอกอาคาร การตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตสีดำ หรือกระเบื้องหินอ่อน การใช้กาวซีเมนต์

ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ เพื่อติดกระเบื้องนับเป็นการป้องกันสาเหตุการเกิดคราบขาวอย่างได้ผล ทั้งยังให้ความแกร่ง

(Compressive Strength) สูงกว่ากาวซีเมนต์ทั่วไปอีกด้วย 

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) สามารถป้องกันน้ำได้นับตั้งแต่การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ และน้ำได้ทำหน้าที่แพร่กระจายผลึกเข้าสู่ภายในเนื้อกาวซีเมนต์จนเต็ม (Active action) และยังสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ในระหว่างการใช้งานเมื่อเกิดรอยแตกร้าวขนาดเล็ก (ไม่เกิน 2.0 มม.) โดยจะเกิดการสร้างผลึกขึ้นมาใหม่เพื่อปิดรอยแตกร้าวได้ด้วยตัวเอง หรือที่เรียกว่า (Self-healing) ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่เฉพาะ กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ เท่านั้น 

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) มีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ Type I ทรายละเอียดคัดพิเศษ ไฮโดรโฟบิคโพลิเมอร์ (Hydrophobic polymer) คริสเตอร์ไลน์ แอดดิททีฟ (Crystalline additives) และสารเคมีอื่นๆ นำเข้าจากเยอรมันและประเทศชั้นนำ ทำให้กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ มีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งในด้านการยึดเกาะสูงแม้อยู่ภายใต้สภาวะที่รุนแรง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ภาวะแช่น้ำ และในขณะเดียวกันก็ให้คุณสมบัติด้านการกันน้ำ (Waterproof) ควบคู่ไปด้วยกัน

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) สามารถดัดแปลงเพื่อใช้ในการก่อ/ฉาบ เช่นเดียวกับปูนทั่วไป เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการกันน้ำโดยตรง และควรฉาบที่ความหนาอย่างน้อย 1 cm.

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน DIN 1048 (Part-5): German Standard for determination of Permeability of Concrete., ASTM C 109 Standard Test Method for Compressive Strength of Hydraulic Cement Mortars, ISO 13007 Part 2: Test Method for Adhesive or BS EN 1348



  1. ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่นผง คราบสกปรก และคราบน้ำยาอื่นใดที่หลงเหลืออยู่จากการก่อสร้าง
  2. ผสมกาวซีเมนต์ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ ด้วยน้ำสะอาด ในอัตราส่วน 3:1 โดยประมาณ คนให้เข้ากันด้วยเครื่องผสมปูนรอบต่ำทิ้งไว้ 3-5 นาที อย่าเติมน้ำเพิ่มอีก หลังจากบ่มกาวซีเมนต์จนได้ที่ กาวซีเมนต์พร้อมใช้งานได้ประมาณ 30-40 นาที (การผสมกาวซีเมนต์แต่ละครั้งควรผสมเพื่อให้ได้ใช้ในคราวเดียว)
  3. ปาดกาวซีเมนต์บนพื้นด้วยเกรียงด้านเรียบก่อน เพื่อให้เนื้อกาวครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมด และเก็บฝุ่นผงที่อาจหลงเหลืออยู่
  4. ปาดกาวซีเมนต์ด้านเกรียงหวีให้ได้ความหนาประมาณ 4-6 มม. หากเป็นกระเบื้องขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก หรือกระเบื้องแกรนิต กระเบื้องหินอ่อน ควรปาดกาวซีเมนต์ด้านหลังตัวกระเบื้องด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นหลังกระเบื้องสัมผัสกับเนื้อกาวซีเมนต์อย่างสมบูรณ์ไม่มีช่องอากาศหลงเหลืออยู่ แล้วจึงกดกระเบื้องลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้ หากเป็นกระเบื้องที่มีแผ่นใยประสานด้านหลัง เพื่อกันการแตกหักของตัวกระเบื้องให้ใช้ น้ำยา ไฮเซ็มเฟล็กซ์-เพาเวอร์ (HICEM FLEX-POWER) เป็น primer ทาด้านหลังกระเบื้องก่อนเพื่อเพิ่มการดูดซึมระหว่างกระเบื้องกับปูนกาวซีเมนต์ให้ดียิ่งขึ้น จากนั้นจึงค่อยปาดกาวซีเมนต์ให้เต็มพื้นหลังกระเบื้อง ตามที่แนะนำไว้ข้างต้น และจึงกดกระเบื้องลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้
  5. ปรับระดับและจัดตกแต่งกระเบื้องตามต้องการภายใน 20-30 นาที และไม่ควรขยับหรือปรับระดับอีก เมื่อกาวซีเมนต์เริ่มเซ็ทตัว (30 นาที โดยประมาณ) ระหว่างนี้ไม่ควรให้พื้นที่ตกแต่งกระเบื้องเปียกน้ำหรือมีน้ำขังโดยเด็ดขาด จากนั้นทิ้งไว้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง เช่น ช่วงฤดูฝนและอากาศอับชื้นอาจต้องทิ้งระยะไว้นานกว่า 48 ชั่วโมง หรือจนแน่ใจว่ากระเบื้องเซ็ทตัวโดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น จึงเปิดพื้นที่ให้ใช้งานได้ตามปกติ
  6. ภายหลังการเซ็ทตัวของกระเบื้อง ควรยาแนวร่องกระเบื้องในเวลาที่พอเหมาะ เนื่องจากการทิ้งร่องกระเบื้องไว้เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดฝุ่นผง ทำให้การยึดเกาะของกาวยาแนวมีประสิทธิภาพลดลงตามลำดับ เนื่องจากกาวยาแนวไม่สามารถสัมผัสพื้นผิวได้อย่างสมบูรณ์ และอาจทำให้กาวยาแนวหลุดร่อนออกมาในที่สุด



1.ต้องทิ้งให้พื้นผิวซีเมนต์เซ็ทตัวอย่างสมบูรณ์หรือแห้งสนิท (สูงสุดที่ 28 วัน อาจสังเกตจากพื้นผิวซีเมนต์จะเปลี่ยนเป็นสีขาว)

2.กรณีการซ่อมแซมโครงสร้าง หรือเก็บรายละเอียดเพื่อเตรียมพื้นผิว ต้องทำก่อนการปูกระเบื้องหรือฉาบเสริมด้วยกาวซีเมนต์

ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ อย่างน้อย 5-7 วัน

3.ไม่ควรปูกระเบื้อง หรือเสริมพื้นผิวในขณะที่อุณหภูมิสูงหรือแสงแดดจัด บางครั้งอาจต้องพรมน้ำที่พื้นผิวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ และลดการดูดซึมน้ำของพื้นผิวจากกาวซีเมนต์ ซึ่งจะทำให้กาวซีเมนต์แห้งเร็วเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะลดลง และหลุดร่อนได้ ในขณะเดียวกันไม่ควรปูกระเบื้อง หรือเสริมพื้นผิวขณะพื้นผิวซีเมนต์เดิมอุ้มน้ำไว้มากเช่นกัน เช่น ภายหลังฝนตกเพราะจะเป็นสาเหตุให้กาวซีเมนต์เซ็ทตัวหรือแห้งตัวได้ยาก

4.การปูกระเบื้อง หรือเสริมพื้นผิวด้วยกาวซีเมนต์ในแต่ละครั้ง ควรปาดกาวซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้างไม่เกิน 1 ตารางเมตร เพราะจะทำให้กาวซีเมนต์แห้งตัวก่อนติดกระเบื้อง หรือตกแต่งพื้นผิวหน้าเสร็จ

  • สำหรับปูกระเบื้อง หรือฉาบเสริมพื้นผิว บริเวณที่ต้องการประสิทธิภาพกันน้ำควบคู่กับประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงเป็นพิเศษ 
  • งานปูกระเบื้องบริเวณระเบียงดาดฟ้า งานปูกระเบื้องห้องน้ำชั้นสอง
  • งานตกแต่งปูกระเบื้อง แกรนิต หินอ่อนภายนอกอาคารที่ต้องการป้องกันคราบน้ำปูนเหนียว (สีขาวขุ่น)
  • งานฉาบเสริมบริเวณดาดฟ้า ผนังตึก ที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง
  • งานฉาบเสริมพื้นผิวซีเมนต์เพื่อป้องกันการผุกร่อนของสนิมภายในโครงสร้างซีเมนต์ (ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความแกร่งลดลง)

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม วอเตอร์พรูฟ (สำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพการกันน้ำโดยเฉพาะ) บรรจุในถุงกระดาษและพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้นอีกหนึ่งชั้น จึงช่วยลดปัญหาปูนแข็งก่อนการใช้งาน ง่ายต่อการกองเก็บและการขนย้ายขึ้นที่สูง 

ขนาดบรรจุ 20 กก./ถุง

Water Penetration Test        DIN 1048:Part 5-1991 10 mm. 

Compressive Strength         ASTM C109 633 Kgf/cm2 

Tensile Adhesion Strength ISO 13007 Part2/ EN 1348 1.84 N/mm2 

Tensile Adhesion Strength ISO 13007 Part2/ EN 1348 

Open time 30 mins 

Setting time ASTM C191 6 hrs. 50 mins